"อนุทิน" สั่งคุมเข้ม "จับ-ปรับ" คดีลักลอบนำเข้า “บุหรี่ไฟฟ้า”
“อนุทิน ชาญวีรกูล” สั่งกรมควบคุมโรคประสาน ตร.-ศุลกากร จับ-ปรับ กรณีผู้กระทำผิดลักลอบนำเข้า "บุหรี่ไฟฟ้า" มอบ สสส.สร้างความเข้าใจ เน้นสร้างต้นแบบสถานศึกษาปลอดบุหรี่
วันนี้ (19 ก.พ.2566) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวในการประชุมกรรมการกองทุน
สสส. ครั้งที่ 2/2566 ว่า ได้มอบหมายกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการควบคุมดูแลบุหรี่ไฟฟ้า
ขณะเดียวกันยังได้ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร ในการจับกุมผู้ลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า เพราะถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพื่อทำให้การควบคุมดูแลบุหรี่ไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และขอให้ สสส. เร่งรณรงค์สร้างความตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเยาวชนไม่ให้หลงเชื่อและกลายเป็นนักสูบหน้าใหม่ รวมถึงทำงานร่วมกับสถานศึกษา ประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ต้นแบบปลอดบุหรี่ไฟฟ้า
นายอนุทิน ระบุอีกว่า ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสหารือกับ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และ ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา เกี่ยวกับประเด็นบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเห็นพ้องกันในประเด็นพิษภัยและผลกระทบต่อสุขภาพ ที่จะเกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะจากการสูบตั้งแต่อายุยังน้อย ที่เสี่ยงจะเกิดการเสพติดไปตลอดชีวิต
แม้ที่ผ่านมาจะมีหลายส่วนที่ร้องเรียนเข้ามา พยายามอ้างว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษน้อยกว่าบุหรี่มวน แต่ยืนยันว่า ผมไม่มีนโยบายที่จะเพิ่มช่องทาง หรือเพิ่มโอกาสให้กับการลองสิ่งที่จะทำให้เกิดการเสพติดและอันตรายต่อสุขภาพชนิดใหม่ๆ ผมไม่อนุญาตแน่นอน
ปัดตกข้อเสนอเปิดผับถึงตี 4
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า จากสถิติอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่ 2566 พบว่ามีจำนวนการเกิดลดลงกว่าร้อยละ 20 ถือเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันระหว่างหลายภาคส่วน รวมถึง สสส. และภาคีเครือข่าย ในการสื่อสารรณรงค์และส่งเสริมมาตรการระดับต่างๆ โดยเฉพาะในระดับชุมชน ตำบล ที่มุ่งลดอุบัติเหตุทางถนน
แม้ปัจจุบันจะมีผู้เดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลมากขึ้นกว่าช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่หวังว่า สสส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะใช้เป็นแนวทางในการสื่อสารรณรงค์สร้างความตระหนักอันตรายจากการดื่มแล้วขับอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้เปิดผับถึงเวลา 04.00 น. เพราะคำนึงถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก แต่ในบางจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ อาจมีการพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นกรณีไป โดยพยายามถ่วงดุลทั้งทางด้านสังคมและเศรษฐกิจเพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าได้อย่างไม่เสียหาย